ผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์ หลังเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างแฟนบอลของ ทีมสโมสรฟุตบอลเมืองทองหนองจอกยูไนเต็ด กับแฟนบอล ทีมสโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทยเอฟซี ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก
หลายฝ่ายต่างออกมาให้ความเห็นในแนวเดียวกัน ว่าทั้งหมดนี้เกิดจากพฤติกรรมอันถ่อยสถุลของแฟนฟุตบอล และทำเป็นมองข้ามปัญหาสำคัญบางอย่าง
สิ่งที่ผมจะชี้ให้เห็นคือ ปัญหาเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ภายในสนามฟุตบอล ในวันนั้น (20 กุมภาพันธ์ 2553) ผมเชื่อมั่นว่ามีกำลัง ตำรวจ และ สห. ที่ประจำการอยู่ภายในสนามศุภชลาศัย และบนอัฒจรรย์ทุกด้าน ในจำนวนที่เพียงพอ สำหรับการรับมือกับสถานการณ์แบบที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าว
แต่เมื่อเหตุการณ์เริ่มมีแนวโน้มที่จะลุกลามบานปลาย ทีมรักษาความปลอดภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลับไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ควรจะเป็น เช่น...
(1) ปล่อยให้กองเชียร์แฟนบอลพังแนวรั้วกั้น จนเป็นเหตุให้เกิดการเดินหน้าเข้าปะทะกันในเวลาต่อมา (ดูภาพ)
(2) ไม่เข้าไประงับเหตุการรุมทำร้ายกันระหว่างแฟนฟุตบอล เป็นเพียงเข้าไปเจรจาด้วยวาจา และสังเกตการณ์อยู่โดยรอบ (ดูภาพ)
จากตัวอย่าง 2 เหตุการณ์ข้างต้น เห็นว่าผู้ที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผลที่ตามมามันก็ลุกลามบานปลายอย่างที่เป็นข่าว
สำหรับประเด็นการให้ทีมสโมสรฟุตบอลแต่ละทีม ควบคุมพฤติกรรมแฟนบอล ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการควบคุมเหตุการณ์ในภาพกว้าง
แต่การควบคุมสถานการณ์ภายในสนามก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
ขอบคุณภาพจากวิดีโอคลิป > ทำไมบอลไทยต้องเป็นแบบนี้!!เมืองทอง -การท่าเรือฯ (voicetc.co.th)