24 January 2006

เงิน 2 หมื่นล้าน ใครควรได้ประโยชน์

กรณ์ชี้ภาษีชาติหายวับ 2 หมื่นล้าน นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การขายหุ้นของตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ครั้งนี้ ในส่วนของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)นอกจากไม่ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนรายย่อย ยังกลายเป็นว่าช่วยตระกูลชินวัตรเลี่ยงภาษี และช่วยให้มีการเลี่ยงการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์(ทำคำเสนอซื้อต่อนักลงทุนทั่วไป) นายกรณ์ อธิบาย การทำคำเสนอซื้อมี 2 แบบด้วยกัน คือ การครอบงำกิจการแบบบังคับ(Mandatory Tender Offer) กับการครอบงำกิจการโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ซึ่งมีความแตกต่างกันในเรื่องของการกำหนดราคาเทนเดอร์ฯ ทั้งนี้การครอบงำกิจการโดยสมัครใจจะสามารถกำหนดราคาเทนเดอร์ฯต่ำกว่าราคาตลาดได้ เมื่อก.ล.ต.ให้ ซีดาร์ และ เอสเปน หรือ ทามาเส็ก ประกาศเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการในบมจ.แอดวานซ์ โดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) นั้นไม่เป็นธรรมกับผู้ลงทุนรายย่อย ทำให้กลุ่มทามาเส็กฯ สามารถกำหนดราคาเทนเดอร์าคาเสนอซื้อหุ้นที่ 72.31 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด(ปัจจุบันอยู่ที่ 104 บาท) นายกรณ์ กล่าวว่า กรณีนี้ต้องทำคำเสนอซื้อแบบบังคับ เพราะเมื่อพิจารณาสัดส่วนการเข้ามาถือหุ้นในแอดวานซ์ของสิงโปร์เทเลคอม(สิงเทล) รวมกับทามาเส็กฯที่เข้ามาถือแอดวานซ์ผ่านชินคอร์ป จะพบว่ากลุ่มทามาเส็กฯถือหุ้นในแอดวานซ์ถึง 32.6% ดังนั้นเมื่อทามาเส็กฯถือหุ้นแอดวานซ์ก้าวข้าม 25% จึงถูกบังคับให้ครอบงำกิจการแบบบังคับ ซึ่งในการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ก็จะต้องกำหนดราคาในราคาที่ยุติธรรมกับนักลงทุนรายย่อย แม้ก.ล.ต.จะบอกว่าราคาเทนเดอร์ที่ 72.31 บาทมาจากการเสนอของที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งเสนอตามราคามูลค่าบัญชี (บุ๊กแวลู) ทำให้ก.ล.ต.ต้องรับตามนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะหน้าที่ก.ล.ต.ต้องปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนรายย่อย นอกจากนี้ หากนำราคาหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปทุกตัวมาคำนวณก็จะพบว่า การซื้อครั้งนี้จะคำนวณราคาหุ้นแอวานซ์ที่ 104 บาท ไม่ใช่ 72 บาทแน่นอน เพราะหากคำนวณที่ราคา 72 บาทจะทำให้ราคาขายหุ้นชินคอร์ปครั้งนี้ไม่ใช่ 49.25 บาท แต่จะเป็นราคาเพียง 30 กว่าบาทเท่านั้น ที่สำคัญการที่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจ ก.ล.ต.พิจารณเห็นว่าทามาเส็กมิได้มีความประสงค์ที่จะได้มาซึ่งหุ้น ไอทีวี และหุ้นชินแซทเทลไลท์ และทั้ง 2 บริษัทเป็นทรัพย์สินที่ไม่เป็นสาระสำคัญของบริษัท ดังนั้น จึงผ่อนผันให้ทามาเส็กฯไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของไอทีวี และชินแซทเทลไลท์ นั้นยิ่งเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะถ้าหากทามาเส็กไม่ต้องการหุ้นอื่นๆ ที่ชินคอร์ปมีอยู่ แล้วทำไมไม่ซื้อหุ้นแอดวานซ์เพียงบริษัทเดียว หรือไม่ก็ต้องชัดเจนให้ขายคืนกันไปเลย “ก.ล.ต.กำลังช่วยตระกูลชินวัตรเลี่ยงภาษี เพราะหากทามาเส็กซื้อหุ้นแอดวานซ์เพียงบริษัทเดียว ก็จะต้องซื้อหุ้นแอดวานซ์จากบมจ.ชินคอร์ป ซึ่งการที่บมจ.ชินคอร์ปเป็นผู้ขายหุ้นแล้วมีกำไรจะต้องเสียภาษี เพราะบมจ.ชินคอร์ปเป็นนิติบุคคลไม่ได้รับยกเว้นภาษี เหมือนบุคคลธรรมดา ซึ่งหากบมจ.ชินคอร์ปเป็นผู้ขายก็จะต้องเสียภาษี ซึ่งประเมินแล้วมูลค่าภาษีครั้งนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท” นอกจากนี้ นายกรณ์ ยังกล่าวว่า รับไม่ได้กับคำกล่าวอ้างที่นายกรัฐมนตรีที่ระบุว่าการขายหุ้นของลูกเพื่อให้อยู่ในวงการเมืองได้อย่างสบายใจหากอนาคตต้องเล่นการเมือง เพราะหากวัตถุประสงค์การขายหุ้นเพื่อความโปร่งใสทางการเมือง ควรมีการขายหุ้นแบบขาดลอยตั้งแต่ปี 2544 ไม่ใช่ตัดสินใจขายเพราะมีผลกำไรสูงถึง 400 เท่า และมีแนวโน้มชัดเจนว่าคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.จะต้องเข้ามาดูแลการแข่งขันทางธุรกิจให้มีความเท่าเทียมกันตามรัฐธรรมนูญ เพราะที่ผ่านมาหุ้นบริษัทในเครือชินคอร์ปอเรชั่นได้เปรียบด้านผลประโยชน์มาโดยตลอด รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่าการขายหุ้นชินคอร์ป เป็นส่วนหนึ่งของการคอรัปชั่น เพราะมีการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ในการขายหุ้น ซึ่งเข้าข่ายทุจริตเชิงนโยบาย และถือเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นกรณีแลกเปลี่ยนการถือทรัพย์สินในลักษณะฟอกหุ้น คัดลอก(บางส่วน)มาจากข่าวขายชินฯ ขายชาติ เลี่ยงภาษี - บ่อนทำลายความมั่นคง - ผู้จัดการ ... ภาพจากมติชน "ตรงไปตรงมา ไม่ต้องเสียภาษี" นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกของตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์ "การขายหุ้นครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีของทั้ง 2 ฝ่ายที่สามารถขายได้ทั้งหมด โดยเห็นว่าการเข้าถือหุ้นใหม่ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้บริษัทในเครือของชินคอร์ปสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ดีมากขึ้น เพราะการขยายธุรกิจจำเป็นต้องใช้งบฯลงทุนสูง การมีผู้ถือหุ้นที่มีงบลงทุนสูงก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของบริษัทให้สูงขึ้นด้วย สำหรับการขายหุ้นในครั้งนี้เป็นเหตุผลทางธุรกิจทั้งหมด เพราะการลงทุนต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ขณะที่การซื้อ-ขายหุ้นก็ทำแบบตรงไปตรงมา ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และใช้โบรกเกอร์ 6 ราย เพื่อดำเนินการ การขายหุ้นในครั้งนี้ได้ขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ รายได้จึงได้รับการยกเว้นภาษีตามกฎหมาย และยืนยันว่าการขายหุ้นในครั้งนี้มีเรื่องธุรกิจอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง และธุรกิจอื่นๆ จะยังอยู่เหมือนเดิม ไม่มีการขายแน่นอน ทั้งนี้ก็จะมีการบริจาคเงินบางส่วนจากกำไรขายหุ้น เพื่อมอบให้กับสาธารณกุศลด้วย แต่จะเป็นเท่าไหร่ต้องพิจารณาก่อน" คัดลอก(บางส่วน)มาจากข่าว เปิดดีล7หมื่นล."ก้าวสู่สากล" ชินฯเข้มแข็ง-ไม่ต้องเสียภาษี - มติชน ภาพจากมติชน ... 'ทักษิณ'โต้ขายหุ้นชินไม่เสียภาษีทำตามมาตรฐานสากล นายกรัฐมนตรีโต้ข้อกล่าวหาขายหุ้นไม่จ่ายภาษี อ้างเป็นมาตรฐานสากลการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ไม่สนใครวิจารณ์มั่นใจไม่มีผลกระทบความเชื่อมั่น เมื่อเวลา 08.20 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงเสียงวิพากวิจารณ์การขายหุ้นในเครือบริษัทชินคอเปอเรชั่น ให้กับเทลมาเส็กของสิงคโปร์ ว่า เรื่องนี้คงต้องไปถามบางกอกโพสต์ และมติชนเวลาที่ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ว่าเสียภาษีหรือไม่ตลาดหลักทรัพย์เขาประกาศยกเว้นการการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มานานหลายปีแล้วมีการประกาศใช้ตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน สมัยที่นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ เป็นรมว.คลัง ครั้งแรก และยังมีผลบังคับใช้ต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่มีการมองในแง่ของเจตนาเรื่องการเลี่ยงการเสียภาษี พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “ ฮู้ย! ไม่เกี่ยวเลยมันเป็นเรื่องของกติกาสากล การขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี ทุกๆ ตัว ทั้งบางกอกโพสต์ มติชน ที่ขายในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่มีเสียสักคน” เมื่อถามย้ำว่าแต่เมื่อมีรายได้เข้ามาก็ต้องเสียภาษี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย เขาเรียกว่าเป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ถือเป็นกติกาสากล ต่อข้อถามว่านักวิชาการหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าหากกลัวถูกกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทำซ้อน ทำไมไม่ตัดสินใจขายหุ้นของตระกูลตั้งแต่ต้น “ โฮ๊! มันขายง่ายเหมือนขายขนมเข่งที่ไหนเล่า แหม! เงินตั้งเยอะแยะ พ่อค้ารับซื้อขนมเข่งมีกี่คนเล่า ปัทโธ่! เฮ้อ ...” ต่อข้อถามว่าแต่คำครหาก็มีมานานแล้ว ทำไมจึงตัดสินใจมาขายหุ้นในช่วงนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “ก็บอกแล้วงัย ว่ามันเหมือนการขายขนมเข่งหรือเปล่า ถามแบบนี้แสดงว่ารับออเดอร์มาให้ถามจาก บก.สั่งให้ถาม จะถามอย่างไร บก.จะบอกมาเลย เลยเป็นคำถามมาตรฐานที่คล้ายๆ กัน” ผู้สื่อข่าวจึงแย้งว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นข้อสงสัยในสังคม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “ปัทโธ่! นี่ เงิน 7 หมื่นกว่าล้าน ใครจะมาซื้อง่ายๆ จะมีคนมีตังค์กี่คนในโลกนี้ มันไม่เหมือนกับขายขนมเข่งที่เดินไปในตลาดก็ขายได้ คัดลอก(บางส่วน)มาจากข่าว'ทักษิณ'โต้ขายหุ้นชินไม่เสียภาษีทำตามมาตรฐานสากล - กรุงเทพธุรกิจ ... อ่านแล้วคิดเห็นยังไง แสดงความเห็นกันบ้างนะ อย่ามัวแต่อ่านแล้วผ่านไป ประเทศนี้เดี่ยวนี้มันเป็นแบบนี้กันแล้วหรือ -_-!!