14 May 2006

เมื่อ "ชิดชัย" อยากรู้ว่า "ระบอบทักษิณ" เป็นอย่างไร

... ไม่น่าเชื่อครับว่า มีมันสมองถึงระดับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่า "ระบอบทักษิณ" นั้น หน้าตาเป็นอย่างไร คุณชิดชัยตีหน้าซื่อๆ ตามสไตล์ของท่านที่เราเห็นผ่านทางจอทีวีจนชินตา พลางบ่นกับนักข่าวว่า ยังนั่งงงๆ อยู่ว่าระบอบทักษิณที่คนพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น มันคืออะไรกันแน่ แถมเสนอจะตบรางวัลให้นักข่าวด้วยซ้ำถ้าช่วยทำให้ท่านตาสว่างขึ้นในเรื่องนี้ เอาล่ะ ถ้าท่านอยากรู้จริงๆ ผมจะช่วยวาดภาพให้เห็น เผื่อต้องรับแขกบ้านแขกเมือง จะได้อธิบายได้ถูกว่าอะไรเป็นอะไร คงไม่ต้องสาธยายอะไรอีกแล้วเกี่ยวกับเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน การเล่นพรรคเล่นพวก การโกงกินบ้านเมือง และการขายสมบัติชาติ เพราะใครที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา คงได้ยินเต็มรูหูทั้งสองข้าง คุณชิดชัยเองก็เถอะ ถ้าไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ก็คงรู้ว่าชาวบ้านเขาก่นด่าระบอบทักษิณกันอย่างไรบ้าง แต่ถ้าท่านไม่เคยได้ยินจริงๆ เพราะมัวแต่สนใจอย่างอื่นอยู่ ผมจะลองฉายภาพของระบอบทักษิณฉบับย่อให้ท่านได้เห็น ระบอบทักษิณ คือระบอบที่ผู้นำประเทศบริหารบ้านเมืองตามอำเภอใจตัวเอง คิดเอง ทำเองทุกอย่าง แม้แต่รองนายกฯ ที่นั่งกันหน้าสลอนในคณะรัฐมนตรี ก็เป็นได้แค่ตัวประกอบ ระบอบทักษิณ คือระบอบที่คนที่อยากจะมีตำแหน่งทางการเมืองหรือตำแหน่งบริหารในหน่วยราชการ ไม่ต้องมีความรู้ความสามารถอะไรมากมาย ขอเพียงรู้จักวิธีเลียแข้งเลียขาก็เป็นพอ ระบอบทักษิณ คือระบอบที่เมียของนายกรัฐมนตรี สามารถประมูลซื้อที่ดินแข่งกับชาวบ้านได้โดยไม่แคร์ต่อเสียงติฉินนินทาว่าอาศัยอำนาจคนที่นอนเตียงเดียวทุกคืนเอาเปรียบคนอื่น ระบอบทักษิณ คือระบอบที่รัฐมนตรีทั้งหลายต้องเสนอหน้าแห่กันไปเป็นคณะเพื่อร่วมงานเปิดตัวบริษัทของลูกชายผู้นำประเทศ แม้จะต้องทิ้งงานหรือหน้าที่ก็ต้องทำ เพราะการให้เจ้าหน้าเห็นหน้าสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ระบอบทักษิณ คือระบอบที่ผู้นำประเทศไม่ต้องฟังเสียงใครทั้งสิ้น นอกจากเมียสุดที่รักเพียงคนเดียว ระบอบทักษิณ คือระบอบที่คนในครอบครัวผู้นำประเทศสามารถใช้เครื่องบินของทางราชการ ขนเอาเพื่อนฝูงไปร่วมงานวันเกิดของตัวเองได้โดยไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าน้ำมันแม้แต่บาทเดียว ระบอบทักษิณ คือระบอบที่ผู้นำประเทศมีความสามารถพิเศษในการสร้างความแตกแยกให้กับคนในสังคม ระบอบทักษิณ คือระบอบที่ผู้นำประเทศอ้างความเป็นประชาธิปไตยเพื่อทำลายประชาธิปไตย ระบอบทักษิณ คือระบอบที่นายกฯ ไม่ต้องทำงาน แต่ยังรับเงินเดือน และยังสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกและกลไกของทางราชการเดินทางไปไหนมาไหนได้ โดยไม่ต้องมีความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้นต่อปัญหาของบ้านเมือง ระบอบทักษิณ คือระบอบที่อดีตนายตำรวจที่ไม่เคยมีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมือง สามารถผันตัวเองขึ้นมาเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีได้เพียงเพราะเคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมรุ่นกับผู้นำประเทศ และระบอบทักษิณ คือระบอบที่ใครก็ได้ก็สามารถทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้ตราบใดที่พร้อมทำตัวเป็นหุ้นเชิด อุตสาห์อธิบายมาตั้งยือยาวขนาดนี้ ถ้าคุณชิดชัยยังไม่เข้าอีกว่าระบอบทักษิณเป็นอย่างไร ผมก็ว่ากลับไปเป็นตำรวจอย่างเดิมจะดีกว่า ... คัดลอกทั้งหมดมาจาก คอลัมน์เทพชัย หย่อง ในเนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 พฤษภาคม 2549 ...
แง้มดู เงินเดือน นักการเมือง
ตำแหน่งรายได้ *
ส.ส.ผู้มีอำนาจออกกฎหมาย แต่งตั้งนายกฯ อนุมัติงบประมาณแผ่นดิน และตรวจสอบการบริหารราชการ ตลอดจนดูแลแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนมีรายได้จากเงินเดือน เดือนละ 62,000 บาท เงินประจำตำแหน่งอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมแล้ว ส.ส. 1 คน จะมีรายได้ต่อเดือนที่ 104,330 บาท
ส.ว. ผู้มีบทบาทหน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมาย ตรวจสอบฝ่ายบริหาร แต่งตั้งและถอดถอนบรรดาบิ๊กๆ ทั้งหลายนั้นจะมีรายได้เท่ากับส.ส.นั่นคือเงินเดือนรวมเดือนละ 104,330 บาท รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ส.ว. ก็ได้รับเหมือน ส.ส. เช่น ขึ้นเครื่องบินฟรี เป็นต้น
เงินเดือนของท่านประธานรัฐสภา (ประธานสภาผู้แทนฯ)ปัจจุบัน อยุ่ที่ 115,920 บาท ต่อเดือน
ส่วนเงินเดือนของประธานวุฒิสภามีรายได้เดือนละ 110,390 บาท
ในส่วนของฝ่ายบริหาร ไล่ตั้งแต่รัฐมนตรีช่วยมีรายได้รวมเดือนละ 107,480 บาท
และถ้ากระโดดขึ้นไปถึงขั้นรัฐมนตรีว่าการ จะว่าการกระทรวงไหนก็ตามจะมีรายได้รวมเดือนละ 67,060 บาท รวมกับเงินประจำตำแหน่งอีก 42,500 บาท เบร็จเสร็จคนระดับ รมว. จะมีรายได้ 109,560 บาท
แต่ว่าคนเป็นนายก มีรายได้อย่างเป็นทางการอย่างถูกกฎหมายนับๆ ดูก็ไม่มากเท่าไหร่คือเงินเดือน 69,220 บาท บวกกับเงินประจำตำแหน่งอีก 50,000 บาท รวมคนเป็นนายกฯ จะมีรายได้เดือนละ 119,220 บาท
อธิบาย * - เงินเดือน หรือ รายได้ ที่ว่า เอาเฉพาะที่เป็นทางการ และถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นนะครับ... และขอย้ำอีกครั้งดังๆ ว่า นี่เป็นรายได้เฉพาะที่โปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมาย คือ ตาม พระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ พ.ศ. 2547 เท่านั้นะครับเจ้า..น..า..ย..ยยย ... ตารางข้างต้น ดัดแปลงมาจากคอลัมน์ชีวิตแบบอ๋อย...อ๋อย ของกฤษณะ ไชยรัตน์ ในเนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 พฤษภาคม 2549 ...