เล่าประสบการณ์เช่ารถยนต์ Hertz และ Sixt (สาขาสนามบินเชียงใหม่)

ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเช่ารถยนต์จาก 2 บริษัท โดยไปใช้บริการที่สาขาสนามบินนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่

ในรอบแรกด้วยความที่ไม่คุ้นเคยกับบริการลักษณะนี้ จึงไม่ได้ทำการจองล่วงหน้า กล่าวคือ เมื่อลงจากเครื่องบินก็เดิน walk in เข้าไป (ตอนแรกเดินเข้าไปถามที่เคาท์เตอร์บริษัท AVIS แต่ไม่มีรถเหลือ) ที่เคาท์เตอร์ให้บริการ Hertz ป้ายสีเหลือง โดยวันนั้นเหลือเฉพาะรถยนต์ Honda Jazz เกียร์อัตโนมัติ คันสุดท้าย ในราคา 1,348 บาท / 24 ชั่วโมง (รับรถ 8 โมงเช้า ส่งรถคืน 8 โมงเช้า ในวันรุ่งขึ้น) ซึ่งราคานี้ รวมค่าเช่า ภาษี และ ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมน้ำมันเบนซิน 91 เต็มถึง (และต้องเติมน้ำมันเต็มถัง ก่อนส่งมอบรถคืน) ทั้งนี้บริษัท Hertz จะทำการหักเงินมัดจำ (Deposit) จากบัตรเครดิตจำนวน 30,000 บาท เอาไว้ด้วย และยอดเงินดังกล่าวจะกลับเข้ามา หลังจากส่งคืนรถยนต์แล้วประมาณ 7-14 วัน เอกสารที่ใช้ประกอบในการเช่ารถยนต์ ประกอบด้วย บัตรประชาชน ใบขับขี่ และ บัตรเครดิต เมื่อเซ็นเอกสารต่างๆ ครบถ้วนแล้ว ก็สามารถรับรถยนต์ออกมาได้ทันที

สำหรับการเช่ารถยนต์ครั้งที่สอง ได้ทำการตรวจสอบราคาค่าเช่าจากเว็บไซต์ของผู้ให้บริการหลายราย และเลือกที่จะจองเช่ารถยนต์กับบริษัท Sixt โดยทำการโทรจองรุ่นรถยนต์ ระยะเวลาการเช่า พร้อมทั้งให้ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมลในการติดต่อ แต่ยังไม่มีการชำระเงินแต่อย่างใด โดยก่อนถึงวันนัด ทางเจ้าหน้าที่จะโทรมาคอนเฟิร์มอีกครั้งว่าการจองรถยนต์ยังเป็นตามเดิมหรือไม่

เมื่อไปถึงสนามบิน ก็เข้าไปที่เคาท์เตอร์ Sixt ป้ายสีส้ม พร้อมบอกชื่อ-นามสกุล และรุ่นรถยนต์ที่ได้ทำการจองเอาไว้ ได้แก่ Honda Civic พร้อมชำระค่าใช้จ่าย 2,314.06 บาท / 2 วัน ราคานี้ รวมค่าเช่า ภาษี และประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมน้ำมันเบนซิน 91 เต็มถึง เช่นกัน แต่ข้อแตกต่างของ Sixt กับ Hertz คือ บริษัท Sixt จะหักเงินมัดจำ (Deposit) ไว้เพียงแค่ 20,000 บาท เท่านั้น

ทั้งนี้ การจองเช่ารถยนต์อาจไม่ได้รุ่นรถยนต์ที่ต้องการ แต่จะได้รถยนต์ในสเปคใกล้เคียงกัน เช่น รุ่น 1200 ซีซี ได้แก่ Honda Brio, Toyota Yaris หรือ รุ่น 1500 ซีซี ได้แก่ Toyota Jazz, Toyota Vios เป็นต้น